Movie HD Free

Movie HD Free

Movie HD Free สิ่งที่ควรจะทราบก่อนมอง She-Hulk: Attorney at Law หมัดที่ความเที่ยงธรรม ด้วยพลังของ ‘ทนายความสายฝ่า’

Marvel Studios กำลังก้าวเข้าสู่ปีลำดับที่สองสำหรับเพื่อการต่อยอดรายละเอียดในซีรีส์ของดิสนีย์พลัส และก็สร้างจักรวาลให้แผ่กว้างไปได้ไกลมากขึ้น ผ่านการนำเสนอเรื่องราวของ MARVEL ในมุมใหม่ๆที่ไม่เคยตรวจสอบ อีกทั้งพาคนไปรู้จักเหล่าผู้ควบคุมยุคสมัยใน Loki, ไปพบเทวดาที่อียิปต์ใน Moonknight, ลอบเข้าต่างประเทศรีตใน The Falcon and the Winter Soldier, เปิดมุมมองชีวิตชาวมุสลิมใน Ms.Marvel และก็นี่จะเป็นอีกรอบที่จะพาพวกเราไปพบกับมุมที่น่าดึงดูดอย่างเรื่องราวของข้อบังคับในโลกซูเปอร์ฮีโร Movie HD Free

She-Hulk: Attorney at Law ยอดเยี่ยมในซีรีส์ Marvel ของปีนี้ โดยหัวข้อนี้ถือว่าเป็นการเปิดตัว เจนนิเฟอร์ วอลเตอร์ส ทนายความสาวสุดแข็ง ผู้มีพลังเหมือนกับฮัลก์เป็นครั้งแรกใน MCU เมื่อก่อนจะไปดู She-Hulk นั้น พวกเรามาย้อนรอยเรื่องราวของ Hulk ใน MCU กันแบบสั้นๆหน่อยดีมากยิ่งกว่า ด้วยเหตุว่าถ้าหากคุณไม่รู้ฮัลก์ คุณอาจมองซีรีส์นี้ไม่รู้เรื่องเลยก็ได้

ฮัลก์ หรือดอกเตอร์บรูซ แบนเนอร์ เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ประสบอุบัติเหตุจากรังสีแกมมา และก็โน่นทำให้เขาแปลงเป็นภูติผีปีศาจยักษ์ใหญ่ตัวเขียวที่ถูกเรียกว่าฮัลก์ ซึ่งแบนเนอร์จะเปลี่ยนร่างเป็นฮัลก์ครั้งใดก็ตามเขารู้สึกโกรธ แล้วก็เมื่อฮัลก์สงบลง เขาก็จะกลับไปเป็นแบนเนอร์ โน่นทำให้แบนเนอร์รู้สึกร้อนใจตลอดระยะเวลา ด้วยเหตุว่าครั้งใดก็ตามเขากลับมาภายหลังแปลงเป็นฮัลก์ อาคารบ้านเรือนและก็สิ่งรอบข้างเขาจะวอดวายไปหมด

ต่อไปแบนเนอร์ก็เลยหนีออกไปปลีกวิเวกอยู่ตามลำพังเพื่อไม่ให้คนที่อยู่รอบข้างก่อให้เกิดอันตราย เขาทดสอบทุกแนวทางเพื่อหาทางรักษาการเป็นฮัลก์ในร่างของเขาเอง แต่ว่าการปรากฏตัวของเขาได้ยั่วยวนใจความพอใจของนายพลคอยส จนกระทั่งนำมาซึ่งการผลิต Abomination คนร้ายผู้มีความแข็งแกร่งเหมือนกันกับฮัลก์ ในที่สุดการต่อสู้ของฮัลก์กับอโบไม่เนชันก็ทำให้เขตฮาเล็มพังทลายไปเป็นแถบ และก็จบลงที่แบนเนอร์เริ่มทำความเข้าใจที่จะอยู่กับฮัลก์

ในปี 2012 โลกิน้องชายของธอร์ได้นำกองทัพชิทอปรี่บุกนิวยอร์ก แบนเนอร์ได้ถูกกางล็กวิโดว์เรียกตัวมาช่วยร่วมศึก ต่อจากนั้นมาฮัลก์แล้วก็แบนเนอร์ก็ได้สู้เคียงข้าง ไปกับเหล่าอเวนพบร์ จนกระทั่งปี 2015 ที่ฮัลก์ได้ขับยานออกไปเมืองนอกโลก รวมทั้งอยู่ๆเขาก็ไปโผล่ที่ดาวสคาร์

รีวิว Morbius – ฮีโรคนร้าย แวมไพร์สู้ชีวิต (แต่ว่าดันโดนบทฮีโรเชยๆสู้กลับ)

พูดได้ว่ารอบปีหนผ่านมานี้เป็นปีที่ดีดจัดๆทั้งยังของ Sony และก็ Columbia Pictures ก็ว่าได้ขอรับ เพราะว่าก่อนหน้านี้ในรอบไม่ถึงครึ่งปี กลับมีหนังจากจักรวาล Spider-Man ให้ได้มองถึง 3 เรื่องแน่ะ อีกทั้งภาคต่อซาตานวีนอมใน ‘Venom: Let There Be Carnage’ (2021) หนังปิดตรีภาคสไปเดอร์-แมนใน ‘Spider-Man : No Way Home’ (2021) ที่สร้างความกรี๊ดกร๊าดติดใจผู้ชม กระทั่งเปลี่ยนเป็นภาพยนตร์ที่ปัดกวาดรายได้สูงสุดในตอนวัววิด-19 ไปแล้วในเดี๋ยวนี้

แล้วก็ ‘Morbius’ (มอร์เบียส) เรืื่องนี้นี่แหละครับผม ที่เลื่อนตารางฉายหนีพี่วัววิด-19 มานานแทบจะหนึ่งปี สุดท้าย โซนี่ก็ได้เวลาเปิดตัวฮีโรคนร้ายตัวใหม่ ผู้ครอบครองสมญานาม ‘แวมไพร์ที่มีชีวิต’ (The Living Vampire) ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มอร์เบียสเองเคยแทบจะได้เป็นคนร้ายในรูปภาพยนตร์ฮีโรครึ่หานุษย์ครึ่งแวมไพร์ ‘Blade 2’ (2002) เวอร์ชันเฮีย ‘เวสลีย์ สไนปส์’ (Wesley Snipes) แล้วด้วยครับผม แต่พอเพียงมีการสลับตัวผู้กำกับทันควัน แวมไพร์ตนนี้ก็เลยถูกดองยาว มิได้แจ้งกำเนิดบนแผ่นฟิล์มถ่ายรูปพลาดท่า betflikusa

จนถึงมาถึงปีนี้ล่ะ ที่โซนี่เลือกถือฮีโรคนร้ายตัวนี้มาสร้างเพื่อสืบต่อวิถีทางแอนตีฮีโร (รวมทั้งคนเขียนก็ทายใจเองว่า น่าจะเป็นการปลุกปั้นกลุ่ม Sinister Six 6 คนร้ายจักรวาลสไปเดอร์-แมน ในอนาคตแหงๆ) รวมทั้งได้ผู้กำกับที่เป็นแฟนการ์ตูน Marvel อย่าง ‘แดเนียล เอสปิโนซา’ (Daniel Espinosa) ที่เคยดูแลภาพยนตร์ ‘Life’ (2017) รวมทั้ง ‘Safe House’ (2012) มาร่วมดูแลภาพยนตร์ฮีโรแวมไพร์ตัวแรกของจักรวาลสไปเดอร์-แมนด้วย

เรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องของ ‘ดร.ไมเคิล มอร์เบียส’ (Jared Leto) นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะที่จำเป็นต้องทนทรมานกับลักษณะของการป่วยด้วยโรคเลือดมาตั้งแต่ยังเด็ก เขามีเป้าหมายที่จะค้นคว้าหาวิธีสำหรับเพื่อการสร้างยาที่จะรักษาตัวเอง รวมทั้งเพื่อนฝูงร่วมโรคอย่าง ‘ไมโล / ลูเซียส คราวน์’ (Matt Smith) ให้หายจากโรคหายากนี้เสียรู้ โดยมีนักวิทยาศาสตร์สาวคู่แต่งงานอย่าง ‘ดร. มาร์ทีน แบนครอคอยฟตฺ์’ (Adria Arjona) เป็นผู้ช่วยเหลือ แต่ว่าในขณะที่เขากำลังทำรักษาด้วยการใช้ค้างคาว เขากลับได้มาพบว่าตนเองเปลี่ยนเป็นภูติผีปีศาจแวมไพร์อยากกินเลือด เขาก็เลยจำเป็นต้องทำทุกวิธีการเพื่อควบคุมความบ้าคลั่งของตัวเองให้ต้องได้

เป็นเอาจริงเอาจังๆก็จำเป็นต้องสารภาพว่า เสียงวิภาควิจารณ์ในด้านลบจากต่างแดนต่อหนังประเด็นนี้มันช่างหนาหูเสียอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 จุดที่นักรีวิวต่างแดนจำนวนมากที่รุมจู่โจมหนังประเด็นนี้กันแบบสามัคคีก็คือ บทที่มีปัญหา กับซีจีงานหยาบคาย คนเขียนเองแม้ว่าจะพากเพียรปิดหน้าปิดตา แล้วก็พากเพียรมีความคิดว่า มันก็อาจอีหรอบเดียวกับ Venom นั่นแหละ เป็นมองเอาแอ็กชันแล้วก็ขบขันแบบกาวๆพอใช้ จะหวังให้ Hype ชื่นชอบเสมือนสไปเดอร์-แมนที่ฉายท้ายปีที่แล้วน่าจะยากเกินฝันไปหน่อย

รีวิว Drive My Car – การเดินทางอันนานบนรถยนต์สีแดง เพื่อพบเจอกับความเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสรวมทั้งการศึกษาและทำการค้นพบ

ณ ขณะนี้ หนังนอกกระแสประเทศญี่ปุ่นอย่าง ‘Drive My Car สุดทางรัก’ ก็ฉายมาได้กว่า 4 เดือนแล้วครับผม (เข้าฉายคราวแรก 11 พ.ย. 2564) แม้ว่าจะไม่ใช่หนังกระแสก้องกังวาน แม้กระนั้นก็ถือได้ว่าเป็นหนังนอกกระแสที่ได้รับกระแสสรรเสริญต่อเนื่อง แล้วก็เดินสายปัดกวาดมาแล้วนับไม่ถ้วน อีกทั้งรางวัลบทภาพยนตร์เยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ปี 2021 (Cannes Film Festival 2021) เทศกาลภาพยนตร์ปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ (Busan International Film Festival in 2021) และก็ได้ได้โอกาสเป็นผู้แทนของทวีปเอเชีย เข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 94 สูงถึง 4 รางวัล ดังเช่นว่า รางวัลภาพยนตร์เมืองนอกเยี่ยมที่สุด, บทภาพยนตร์ปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงเยี่ยมที่สุด, ผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์เยี่ยม และก็ภาพยนตร์เยี่ยม

ภาพยนตร์ประเด็นนี้เป็นฝีมือการดูแลของ ‘เรียวสึเกะ ฮะมะกุชิ’ (Ryusuke Hamaguchi) ประเด็นนี้ดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขมาจากเรื่องสั้น! ‘Drive My Car’ ที่ใส่อยู่ในหนังสือรวมเรื่องสั้น ‘Men Without Women’ (ชายที่แฟนจากไป) ผลงานของคนเขียนโด่งดังระดับนานาชาติ ‘ฮะรุกิ มุระขาไม่’ (Haruki Murakami) ตัวเรื่องกล่าวถึงเรื่องของ! ‘ค่ะฟุกุ’ (Hidetoshi Nishijima) ดาราหนังแล้วก็ผู้กำกับละครเวทีกลางคน ที่สูญเสียชีวิตครอบครัวอันแสนสุข ภายหลังที่ ‘โอโต’ (Reika Kirishima) ผู้เป็นเมียจากไปทันทีทันใด! พร้อมทั้งทิ้งความลับรวมทั้งความเจ็บอะไรบางอย่างเอาไว้ให้ เขาตกลงใจรับข้อเสนอควบคุมละครเวทีที่ฮิโระชิมะ แล้วก็รับ ‘ไม่ซะกิ’ (Tôko Miura) หญิงสาวผู้เงียบเฉย ให้มาเป็นพนักงานขับรถสีแดง ซึ่งสุดท้าย คุณและก็รถยนต์สีแดงคันนี้จะแปลงเป็นสถานที่เผยความลับ ปลดเปลื้องเปลือย แล้วก็แปลงชีวิตของขาฟุกุไปอย่างสิ้นเชิง!

แม้กระนั้นถึงแม้ว่าตัวหนังเองจะโปรโมตหน้าหนังว่า เป็นการจับเรื่องสั้น ‘Drive My Car’ ที่อยู่ข้างในเล่มมาเล่าในแบบภาพยนตร์! แม้กระนั้นก็จะต้องหมายเหตุถือตัวโตๆก่อนครับว่า ลำพังเรื่องสั้นความยาวต้นฉบับเพียงแต่ 40 หน้าอาจจะไม่อาจจะขยายออกมาเกิดเรื่องราวใหญ่ๆขนาดนี้ได้แน่นอนแต่ว่านักเขียนบทร่วมทั้งยัง! ‘เรียวสึเกะ ฮะมะกุชิ’ และก็ ‘ทะกะมะสะ โอะเอะ’ (Takamasa Oe) ใช้ขั้นตอนการจับเอาจักรวาลเรื่องราวจากเรื่องสั้นประเด็นต่างๆจากหนังสือ ‘Men Without Women’ ซึ่งเป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นที่มุระเกะระกะไม่ตั้งมั่นวางธีมเกี่ยวกับเรื่องของเพศชายที่หญิงสาวจากไปด้วยเหตุต่างๆนานาประการแบบ มาปรับเพิ่ม ต่อเติมเสริมแต่ง แปลความหมายใหม่ และก็ปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงให้มาอยู่ร่วมชายคาของเส้นเรื่องภาพยนตร์เดียวกัน! (ถึงแม้ตัวหนังจะอ้างอิงชื่อจากเรื่องสั้นเพียงแต่เรื่องเดียวก็ตาม)!

ทั้งยังเรื่องเล่าจินตนาการเกี่ยวกับหญิงสาวม. ปลาย ที่อดีตชาติกำเนิดเป็นปลาแลมป์เพรย์ (ปลาไหลสมุทร) คุณหลงเสน่ห์เพื่อนชายคนหนึ่ง! ตราบจนกระทั่งคุณได้ย่องเข้าไปในบ้านของเด็กหนุ่มคนนั้น เพื่อแอบเข้าไปลักขโมยของใช้ของสอย เรื่องราวส่วนตัว ช่วยเหลือตัวเอง พร้อมด้วยทิ้งผ้าอนามัยรวมทั้งเส้นผมไว้เป็นสัญลักษณ์ใน! ‘เซเฮราซาด’ (แปลโดย อานนท์ สันติภาพวิสุทธิ์) ซึ่งในหนังถูกจินตนาการถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนเป็นเรื่องราวที่ ‘โอโต’ (Reika Kirishima) ผู้เขียนบทละครและก็เมีย เล่านี้ให้ ‘ค่ะฟุกุ’ (Hidetoshi Nishijima)! ดาราหนังละครเวทีกลางคนฟังภายหลังมีเซ็กส์สำเร็จ แล้วก็เปลี่ยนมาเป็น Conflict บาดใจตอนจุดสุดยอดในตอนหลัง!

รวมทั้งจากเรื่องสั้น ‘คิโนะ’ (แปลโดย มุทิตา พานิช) ที่นักเขียนบทร่วมถือเอา Vibe เกี่ยวกับฉากดื่มสุราในบาร์เคล้าเสียงดนตรีจากจานเสียง! รวมทั้งฉากที่สามีแอบมองเห็นเมียร่วมประเวณีกับชายชู้ในบ้านของตนเอง จนกระทั่งจำต้องหนีออกมาจากบ้านไม่ให้ระแคะระคาย แล้วก็เรื่องเล่าเล็กๆของ ‘ไม่ซะกิ’ (Tôko Miura)! คนขับรถหญิงเกี่ยวกับแม่กลางคน ผู้มีบุคลิกลักษณะแบบเด็กผู้หญิงแฝงอยู่ของคุณ ซึ่งถือเอามาจากเรื่องสั้น ‘พวกเพศชายที่แฟนจากไป’ (แปลโดย มัทนา จาเหม็นตุรแสงสว่างรุ่งเรือง)!