รวมหนัง นิโคลัส เคจ Nicolas Cage เป็นภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้อบอุ่นหัวใจที่ออกฉายในปี 1994 ควบคุมโดยแอนดรูว์ เบิร์กแมน ภาพยนตร์หัวข้อนี้แสดงนำโดย Nicolas Cage, Bridget Fonda แล้วก็ Rosie Perez รวมทั้งได้รับแรงจูงใจจากความเป็นจริง ภาพยนตร์หัวข้อนี้เดินเรื่องในนิวยอร์กสิตี้ ตรวจพลังที่ความเมตตากรุณา ความรัก และก็การเปลี่ยนผันที่นึกไม่ถึงซึ่งชะตาชีวิตบางทีอาจเกิดขึ้นได้ ภาพยนตร์ประเด็นนี้เกิดเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของ Charlie Lang (แสดงโดย Nicolas Cage) ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ผู้ใจดีแล้วก็ซื่อตรงในนิวยอร์กสิตี้ วันหนึ่ง ขณะกินอาหารช่วงกลางวันที่ห้องอาหาร ชาร์ลีไม่สามารถที่จะให้ทิปพนักงานที่มีหน้าที่เสิร์ฟ อีวอนน์ บิอาซี (แสดงโดยบริดเจ็ต ฟอนดา) ได้ เขาคำสัญญาว่าจะแบ่งรางวัลหวยในอนาคตกับคุณถ้าเขาถูกรางวัล
น่าประหลาดที่สลากลอตเตอรีของชาร์ลีกลายเป็นคนถูกรางวัลรวมทั้งคว้าแจ็กเพียงพอตมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ ตามคำกล่าวของเขา เขาตกลงใจแบ่งเงินรางวัลกับอีวอนน์ ซึ่งทำให้คุณงงงวยรวมทั้งขอบพระคุณ ความมั่งมีรวมทั้งความพอใจของสื่อทันทีทันใดเปลี่ยนเป็นทั้งยังคำแสดงความยินดีแล้วก็คำแช่งสำหรับทั้งคู่คน ในเวลาที่พวกเขาตรวจสอบความสลับซับซ้อนของกิตติศัพท์รวมทั้งโชคลาภที่พึ่งศึกษาค้นพบเมื่อความใจดีของชาร์ลีกลายเป็นข่าวพาดหัวเรื่องรวมทั้งล่อใจจินตนาการของมวลชน เมียของเขา ไม่วเรียล (แสดงโดยโรซี่ เปเรซ) แปลงเป็นผู้ครอบครองเงินเยอะขึ้นในเวลาเดียวกันความเชื่อมโยงที่โรแมนติกระหว่างชาร์ลีแล้วก็อีวอนน์ก็เริ่มออกดอกผล ทำให้ชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนอย่างนึกไม่ถึง
รวมหนัง นิโคลัส เคจ Nicolas Cage หนังออนไลน์ หนังใหม่ เต็มเรื่อง
ใน “National Treasure: Book of Secrets” เบนจามิน เกตส์รวมทั้งกลุ่มนักล่าทรัพย์สมบัติของเขาได้เริ่มภารกิจใหม่ที่จะพาพวกเขาดำตรงสู่ความลับของประวัติศาสตร์ เมื่อหน้าหนึ่งจากไดอารี่ของ John Wilkes Booth ปรากฏขึ้น โดยพูดว่า Thomas Gates บรรพบุรุษของ Gates มีความเกี่ยวข้องกับการลอบฆ่าผู้นำ Abraham Lincoln Gates เอาจริงเอาจังที่จะล้างชื่อครอบครัวของเขารวมทั้งค้นหาทรัพย์สินที่หลบอยู่ของ Knights Templar
เวลาที่เกทส์ถอดรหัสชุดปมลึกลับรวมทั้งเครื่องหมายลึกลับ เขาเดินทางทั้งโลกเพื่อค้นหา “เมืองที่ทอง” เว้นเสียแต่เพื่อนฝูงผู้ซื่อตรงของเขา ซึ่งรวมทั้งไรลีย์ พูล (จัสติน บาร์ธา) และก็อบิเกล เชส (ไดแอน อาจารย์เกอร์) เกตส์ยังพบเจอกับความท้าที่น่าสยดสยองรวมทั้งเปิดเผยกลยุทธ์รวมหัวที่ย้อนกลับไปหลายศตวรรษหัวข้อ: ประวัติศาสตร์และก็เล่ห์เหลี่ยม: ภาพยนตร์ตรวจสอบความเกี่ยวเนื่องระหว่างเรื่องในประวัติศาสตร์ ตำนาน แล้วก็ข้อเท็จจริงที่หลบซ่อนอยู่ใต้ผิว การค้นหาประดิษฐกรรมทางประวัติศาสตร์ของผู้แสดงเปิดเผยให้มองเห็นชั้นของเล่ห์เหลี่ยมที่นานหลายศตวรรษ
Family Legacy: ธีมของมรดกครอบครัวรวมทั้งเกียรติศักดิ์ดังกังวาลไปทั่วอีกทั้งเรื่อง รวมหนัง นิโคลัส เคจ Nicolas Cage ตอนที่เบนจามิน เกตส์พากเพียรอย่างที่สุดเพื่อพิสูจน์ชื่อบรรพบุรุษของเขาแล้วก็รักษาความโด่งดังของครอบครัวการเสี่ยงอันตรายและก็การศึกษาค้นพบ: “National Treasure: Book of Secrets” เก็บจิตวิญญาณที่การเสี่ยงภัยแล้วก็การศึกษาค้นพบ ในเวลาที่ผู้แสดงเริ่มเดินทางท่องโลกที่เต็มไปด้วยปม ปัญหา และก็ความระทึกใจ
ความใหญ่โตด้านภาพและก็การถ่ายหนัง: ภาพยนตร์ประเด็นนี้พรีเซนเทชั่นการถ่ายรูปที่น่าทึ่งซึ่งพรีเซ็นท์สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์รวมทั้งสถานที่แปลกใหม่ การออกแบบฉากรวมทั้งวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ช่วยเสริมความรู้สึกยิ่งใหญ่ นำผู้ชมไปยังสถานที่ทางประวัติศาสตร์อันเด่นการแสดงรวมทั้งการดูแล: นิโคลัส เคจ
กลับมาสวมบทบาทเป็นเบนจามิน เกตส์ ประสมประสานความฉลาดปราดเปรื่องแล้วก็เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของเขากับนักแสดง กลุ่มดาราซึ่งรวมทั้งจัสติน บาร์ธา, ไดแอน คุณครูเกอร์ รวมทั้งจอน วอยต์ พรีเซ็นท์การแสดงที่น่าสนใจซึ่งช่วยเสริมไดนามิกของภาพยนตร์ผู้กำกับ Jon Turteltaub สร้างความสมดุลระหว่างความประพฤติ การวางอุบาย แล้วก็การพัฒนานักแสดงอย่างชำนิชำนาญ ปั้นเรื่องราวที่น่าดึงดูดที่ทำให้ผู้ชมมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นจนถึงจบ
Aquaman and the Lost Kingdom
เรื่องราวในภาคนี้จะเล่าต่อจากผลสรุปของภาคที่แล้วครับผม ภายหลังที่ เดวิด เคน/กางล็กแมนตา (ยาห์ยา อับดุล-มาทีน ที่ 2 – Yahya Abdul-Mateen II) ได้พ่ายสำหรับเพื่อการต่อสู้กับ อาร์เธอร์ เคอร์รี/อควาแมน (เจสัน โมโมอา – Jason Momoa) ราชาที่แอตแลนติส แล้วก็บิดาของลูกชาย (เด็กชาย อาร์เธอร์จูเนียร์) ที่เกิดกับ เมรา (แอมเบอร์ เฮิร์ด – Amber Heard) อีกต่างหาก แม้กระนั้นด้วยรอยโกรธแค้นจากการสูญเสียบิดาที่ยังไม่เลือนลางจางหาย (ในภาคแรก) กางล็กแมนตาก็เลยเพียรพยายามกลับมาเพื่อหวังจะทำลายเมืองใต้น้ำแอตแลนติส และก็ทำลายทุกสิ่งของอควาแมนให้หมดสิ้น
ราชาที่เจ็ดแหลมอย่างอควาแมน ก็เลยจะต้องเดินทางไปตามหา ออร์ม (แพตทริก วิลสัน – Patrick Wilson) น้องชายต่างพ่อที่โดนขังไว้ในอาณาจักรดีเซอร์เทอร์ ใต้ทะเลทรายซาฮารา ด้วยกันออกเสี่ยงภัยไปยังอาณาจักรที่ท้ายที่สุดที่หายสูญ เพื่อด้วยกันหยุดภัยร้ายที่จะทำลายครอบครัวของเขา อาณาจักรแอตแลนติส โลกใต้มหาสมุทร แล้วก็โลกทั้งยังใบเอาไว้ให้ได้
โดยภาพรวมในภาคนี้ จะต้องพูดได้ว่าอีกทั้งวานแล้วก็คณะทำงานเองค่อนข้างจะรู้ชัดเจนล่ะว่า สูตรที่ทำให้ ‘Aquaman’ ภาคที่แล้วบรรลุเป้าหมายได้ยังไง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่หนังนั้นมีลักษณะเด่นที่ต่างจากซูเปอร์ฮีโร DC เรื่องอื่นๆอีกทั้งการเสิร์ฟความสนุกสนานสไตล์หนังป๊อปคอร์นแบบครบรส อีกทั้งมุกตลกโปกฮา Mood และก็งานสร้างที่มีความแฟนตาซีติดสติไม่ดีนิดๆดราม่าครอบครัว จังหวะสยองขวัญ แอ็กชันหนักๆฉากการรบละลานตา เมืองแอตแลนติสสุดอลัง ไม่ต้องดูหนัง DC เรื่องอื่นมาก่อนก็รู้เรื่อง
ที่สำคัญเป็น เป็นหนังที่ไม่ต้องวางท่า หรือซีเรียสเพื่อทำโก้เก๋ แต่ว่าเป็นหนังที่ถ้าหากต้องการโก้ก็โก้เก๋ได้ แม้กระนั้นถ้าหากต้องการลิเกก็เอาการ ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงนี้แหละเป็นสิ่งที่ผู้ชมถูกใจในภาคแรก ตัวหนังก็เลยถือเอาลักษณะเด่นพวกนั้นมาเป็นแบบอย่างให้กับภาคนี้ด้วย แม้กระนั้นก็ยังมองเห็นได้ถึงการเปลี่ยน Vibe ต่างๆให้เหมาะสมกับภาคนี้ด้วย ทั้งยังการเพิ่มมิติและก็บริบทของเส้นเรื่องที่เชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมของโลกในขณะนี้ โดยยิ่งไปกว่านั้นวิกฤติโลกร้อน สถานการณ์อากาศผันแปร ซึ่งสำเร็จจากสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากทะเล ที่เพิ่มมาได้ในระดับที่เหมาะสมและไม่ได้ทราบสึกแออัด แม้กระนั้นบางครั้งอาจจะมิได้มีการขยี้แม้กระทั่งมองน่าสะพรึงกลัวจนกระทั่งขนลุก
The Family Plan
The Family Plan เกี่ยวกับชีวิตของ ดินแดน พ่อบ้านปกติที่ดำรงชีวิตแสนเรียบง่ายอยู่ในบริเวณปริมณฑลของเมืองนิวยอร์ก megashare woodlawn แต่ว่าเมื่ออดีตกาลอันแสนทารุณโหดร้ายของเขาย้อนกลับมาเอาคืนอีกรอบ ทำให้เขาต้องหาแนวทางที่จะปกป้องรักษาครอบครัวที่เขารักที่สุด โดยที่พวกเขาก็ไม่เคยทราบมาก่อนเกี่ยวกับอดีตกาลอันลึกลับของผู้นำครอบครัว ที่คราวหนึ่งเขาเคยเป็นมือสังหารนิรนามตัวท็อปของแวดวง!
เอาจริงเอาจังๆมันก็เป็นหนังที่มองได้เพลิดเพลินดี ในด้านการหาคอนเทนท์สนุกสนานทั่วๆไป หนังก็ยังเต็มไปด้วยทีท่าที่สร้างความเอ็นหน้าจอยให้กับผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยม แต่ว่าหากเป็นในทางวิภาควิจารณ์หนังอย่างไม่อ้อมค้อมแล้วละก็ มันบางทีก็อาจจะไม่ใช่การเสพสุขที่ดีสักเท่าไหร่นัก เนื่องจากว่า The Family Plan ก็ยังดำเนินสะกดรอยหนังแอคชันครอบห้องครัวที่มีมาตลอดในตอน 20-30 ปีให้หลัง ทุกจุดและก็ทุกก้าวเต็มไปด้วยสูตรสำเร็จแบบสำเร็จรูปแบบจับวางเอาไว้
โดยหนังได้ผู้กำกับจากแวดวงโทรทัศน์ “ไซมอน เคแลน โจนส์” มารับหน้าที่ดูแลหนังประเด็นนี้ ด้วยเหตุนี้สเกลงานสร้างของหนังประเด็นนี้มันก็จะออกมาใสๆคลุ้งๆแบบตามสไตล์หนังที่สร้างออกมาจากทางโทรทัศน์โดยประมาณนั้น ส่วนประกอบงานสร้างมิได้มีอะไรที่แปลกใหม่ใดๆก็ตามก็ราวหนังครอบครัวกลิ่นดิสนีย์นิดๆแต่ว่าก็มิได้ใสแน่ชัดเกินความจำเป็น แต่ว่าก็ยังคงในเรตที่เด็กมองได้คนแก่มองเพลิดเพลินอยู่
บทหนังได้ “เดวิด ค็อกเกอาลล์” จาก Orphan: First Kill มาปั้นเรื่องราวให้ แน่ๆว่าประสิทธิภาพของบทหนังก็คงมิได้เพอร์เฟ็คอะไรนัก หากมองผลงานก่อนๆของคนเขียนรายนี้ก็จะทราบว่าเขาเขียนบทหนังในสไตล์ที่ค่อนข้างจะเซฟโซนและไม่ค่อยสร้างความแปลกใหม่ออกมาให้กับผู้ชมสักเท่าไหร่ ด้วยเหมือนกัน The Family Plan ก็จัดไว้อยู่ในหมวดพื้นที่ปลอดภัย หนังไม่ค่อยเดินออกนอกกรอบสักเท่าไหร่
Your Christmas or Mine 2
Your Christmas or Mine 2 เล่าราวตลอดจากภาคก่อน เมื่อ เจมส์ กับ เฮย์ลี ได้ชูครอบครัวไปพักช่วงปลายปีที่สกีอพาร์เม้นท์หรูหราในแนวเขาแอลป์ แม้กระนั้นเพราะเหตุว่าความบกพร่องของการบุ๊กกิ้งบ้านพักโดยบิดาของเฮย์ลี ทำให้ทั้งยัง 2 ครอบครัวไปโผล่อยู่ที่ที่หมายแตกต่างคนละที่ เปลี่ยนเป็นการสับเปลี่ยนวันคริสต์มาสของพวกเขาอีกรอบ ทำให้ เจมส์ กับ เฮย์ลี จำเป็นต้องเจอหน้ากับบทดสอบความเกี่ยวข้องอีกที ท่ามกลางสายตาของคนที่อาศัยอยู่ในครอบครัว
โดยในหนังภาคนี้ก็ยังคงได้โอกาสมผู้ผลิตชุดเดิม ไม่ว่าจะเป็น “จิม โอ’ฮานลอน” ที่กลับมารับหน้าที่ควบคุมหนังอีกที จากบทหนังของ “ทอม แพร์รี” ที่เอาจริงเอาจังๆถ้าจะว่ากันตามจริง เมื่อครั้งใน Your Christmas or Mine? เมื่อปีก่อน ก็เป็นหนังรอมคอมกลิ่นเทศกาลที่เต็มไปด้วยสูตรสำเร็จที่พวกเราบางทีก็อาจจะยังรู้สึกเฉยๆเป็นเสียจำนวนมาก หนังบางทีก็อาจจะน่ารักน่าเอ็นดูดีแต่ก็ยังไม่มีอะไรให้น่าจำ เอาจริงเอาจังๆก็แทบจำไม่ได้แล้วด้วยว่าภาคแรกเป็นอย่างไร
เพียงพอมาถึง Your Christmas or Mine 2 ก็ยังมากับแพ็กสูตรสำเร็จแบบรู้จักได้แก่เดิม มันเป็นหนังที่มีพล็อตตามตลาดทั่วๆไป เป็นหนังที่มองง่ายรวมทั้งย่อยได้ไม่ยากเหมือนกัน ราวกับเป็นหนังที่ควรมีไว้สำหรับในตอนเทศกาลวันหยุดท้ายปีอะไรอย่างงี้ ขนาดและก็ประสิทธิภาพของหนังก็ยังรักษามาตรฐานเดิมเอาไว้ได้ดิบได้ดี มีกลิ่นความเป็นหนังฉายโรงได้นิดๆแต่ว่าจำนวนมากก็เหมาะสมกับการเป็นหนังหน้าจอเล็กมากยิ่งกว่า
บทหนังก็แทบไม่มีอะไรออกนอกกรอบเลย Your Christmas or Mine 2 ที่เป็นการถือเอาสูตรเดิมจากภาคแรกมาเขย่าออกมาเป็นราวกับป็อปคอร์นรสชาติอื่นที่มิได้เป็นรสแปลกใหม่อะไร จังหวะต่างๆในหนังเกือบจะมิได้เกินการคาดการณ์ มันเป็นการจับวางเอาไว้แบบลงล็อกเป๊ะๆซ้ำยังเต็มไปด้วยมุกเสียดสีสำเนียงรวมทั้งความเป็นเขตแดนของแต่ละถิ่น ที่เป็นอะไรที่ค่อนข้างจะเชยพอได้เลยคะในยุคนี้
Leave the World Behind
Leave the World Behind เกิดเรื่องราวในวันหยุดที่เฝ้าใฝ่ฝันของ อะแมนดา แล้วก็ เคลย์ กับลูกๆวัยรุ่นของพวกเขา ที่เช่าห้องพักผ่อนตากอากาศรอบๆหาดทรายนิวยอร์ก แต่ว่าถูกสอดแทรกด้วยการมาเยี่ยมของบิดาลูกผิวสีคู่หนึ่งที่แสดงตัวว่าเป็นเจ้าของบ้านข้างหลังดังที่กล่าวถึงแล้ว เพราะว่ามีเหตุไฟดับภายในเมือง ตามมาด้วยอินเตอร์เน็ตใช้ไม่ได้ โทรศัพทไม่มีสัญญาณ ปลดปล่อยให้พวกเขาถูกตัดขาดจากโลกข้างนอกไปครู่เดียว
จนกระทั่งเสียงดังแปลกเกิดขึ้นอย่างน่าฉงนสงสัย รวมหนัง นิโคลัส เคจ Nicolas Cage เป็นตอนเดียวกับที่เหล่าสรรพสัตว์ต่างพากันย้ายถิ่นในด้วยกิริยาอาการแปลกๆยิ่งทำให้ครอบครัวนี้เริ่มตื่นตระหนกในทุกๆด้าน เปลี่ยนเป็นการผลิตกำแพงกันระหว่างผู้เช่าคนขาวกับเจ้าของบ้านชาวผิวสี ก่อตัวแวววาวไฟการสู้รบทางความนึกคิดที่ตบตีกันระส่ำระสายด้านในหัวรวมทั้งบริเวณตัวพวกเขา
“แซม เอสเมลล์” จากซีรีส์ Mr. Robot มารับหน้าที่ดูแลดูแลงานสร้างภาพยนตร์หัวข้อนี้ รวมทั้งถือได้ว่าเป็นผลงานหนังฟอร์มใหญ่ที่สุดนับจากเขาทำอาชีพนี้มา โดยเขายังรับหน้าที่ดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขเขียนบทหนังหัวข้อนี้ด้วยตัวเองด้วย แน่ๆว่าภาพลักษณ์ของ Leave the World Behind คงจะจูงใจคนชอบดูหนังแนวหายนะและก็วันโลกแตกได้อย่างดีเยี่ยม เพราะเหตุว่ามันเชิญชวนติดต่อออกมาแบบนั้น แม้กระนั้นอย่าเพิ่งจะไว้ใจไป เพราะเหตุว่ามันสลับซับซ้อนและก็ลึกลับซับซ้อนมากมากกว่าที่พวกเราคิดไว้
ใช่แล้ว มันเป็นหนังหายนะจิตวิทยาที่เบาๆคีย์ข้อมูลความวายป่วงใส่ผู้ชมมาครั้งละเรื่อยมันเป็นหนังที่มีกลิ่นความเป็น เอ็ม.ไนท์. ชยามาลาน กับ จอร์แดน พีล หน่อยๆแต่ว่ามันบางทีก็อาจจะยังมิได้มีเสน่ห์รว มทั้งความน่าคลั่งไคล้เช่นเดียวกับผลงานของผู้คนเหล่านั้น โชคร้ายที่สุดด้านหลังมันเป็นแค่เพียงหนังที่เต็มไปด้วยอะไรที่เดิมๆกับช่องโหว่ของบทหนังที่ไม่แยบคายเอาเสียเลย หนึ่งในสิ่งที่ไม่ค่อยถูกใจเยอะแค่ไหน ก็คืไดอะล็อกบทสำหรับพูดในหนังที่ติดภาษาที่ไม่ธรรมชาติไปสักนิดสักหน่อย ยังติดความเป็นนิยายแล้วก็ภาษาทางการ ถึงแม้ผู้แสดงมานะอย่างมากแล้วที่จะวางแบบหน้าที่ของพวกเขา แต่ว่ามันก็ยังออกมาเป็นรสที่พิศดาร และไม่ได้เชิญชวนให้พวกเราคลั่งไคล้ได้สักเท่าไหร่นัก เป็นจุดที่โชคร้ายที่หนังไม่อาจจะรั้งผู้ชมเอาไว้ได้อยู่
