หนังhd ดูหนังออนไลน์ฟรี ดูหนังออนไลน์ ดูหนังใหม่2022

หนังhd

หนังhd หนัง ดูหนังฟรี ดูหนัง เว็บดูหนังออนไลน์

หนังhd เพราะอีกทั้งเรื่องเราจะแลเห็นแค่เพียงว่า ค้างขอบและพวกพากเพียรคิดกลยุทธิ์ที่เริ่มดาร์กขึ้นตั้งแต่สะสมอาวุธพบเจอบานกับตำรวจจวบจนกระทั่งการจับตำรวจมาเป็นตัวยืนยัน เช่นเดียวกันกับคนสิ้นคิดเข้าไปทุกคราว และยิ่งหนังวางจุดหักเหแบบเลี้ยวโค้งหักศอกขนาดนี้ก็ยิ่งทำให้เหตุแล้วก็ผลสำหรับการปฏิบัติของนักแสดงไม่มีพลังมากพอที่จะขับธีมเรื่องของความไม่เป็นธรรมในสังคมให้ออกมามีอานาจอย่างที่มันใส่ใจไว้ได้

มาถึงคิวหนังประเทศเกาหลีอีกประเด็นที่ถึงเวลาลงโรงฉายในบ้านเรา ภายหลังที่เลื่อนฉายครั้งแล้วครั้งเล่ามาตั้งแต่ใจกลางปี ด้วยความที่เหตุโรงภาพยนต์ที่พึ่งพิงกลับมาเปิดให้บริการ เรื่องนี้ก็คือ “Midnight” (คืนฆ่าไม่มีเสียง) หนังดราม่าเขย่าขวัญที่ใส่ลูกเล่นอันแวววาวแล้วหลังจากนั้นก็มีชั้นเชิงกับผู้ชม ด้วยการถือเอาข้อผิดพลาดของผู้แสดงมาใส่เอาไว้ภายในสถานะการณ์ และทำให้มันแปลงเป็นหนังที่แสนจะอึดอัดแล้วก็น่าเบื่อหัวใจที่ยกให้เป็นที่สุดของปีไปเลย

แต่กระนั้นก็จำเป็นจะต้องรับสารภาพว่าถึงแม้ว่าตัวเนื้อหาโดยรวมของมันจะยังไม่ลงตัวนัก ดูหนัง หากแม้หากแม้จับแบ่งย่อยจะพบว่ามันมีส่วนประกอบหลายหมวดอย่างยิ่งที่ยังทำให้ ‘Athena’ เป็นภาพยนตร์ที่มีค่าแก่การรับมองทั้งการควบคุมซีนแอ็กชันที่เรากล่าวไปก่อนหน้านี้ ไปจวบจนกระทั่งการออกแบบการเล่าเรื่องที่หมั่นเพียรย้ำการถ่ายแบบทดสอบเทคจนถึงเหมือนเราได้เข้าไปอยู่ร่วมการต่อสู้

กับคนธรรมดาชาวเคหะเอธีนาด้วย รวมถึงยังมีการออกแบบดาราหนังที่น่าสนใจหลายตัวโดยเฉพาะการมีอยู่ของ ดาลี เบนส์ซาลาห์ ที่สวมบทอับเดล ทหารที่เป็นชาวเคหะเอธีนาที่ต้องเลือกทางเท้าอันแสนทุกข์ยากตรากตรำอีกทั้งหน้าที่การงานรวมทั้งการทวงความถูกต้องแน่ใจร่วมทุกข์ร่วมสุขกับญาติ รวมทั้งเบนส์ซาลาห์ก็ให้การแสดงที่เราแทบจะละสายตาไม่ได้จริงๆ

ภายใต้คำว่า “อึดอัดและน่าระอาจิตใจ” ที่พูดถึงมาข้างต้นนั้น ไม่ใช่ว่าสื่อความหมายว่าเป็นหนังที่เฮงซวย หากแม้เป็นการผลิตบรรยากาศรวมทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้นั้น ได้ตอบปัญหาแบบงั้นกับผู้ชมจริงๆเพราะหลายฉากที่ผู้ชมต้องนั่งลุ้นเกร็งไปกับความระทึกใจ รู้สึกอารมณ์บูดกับผลของตัวละครพิการ แบบต้องการจะโจนเข้าไปช่วยต่อสู้กับฆาตกรอีกแรง กับจังหวะหนังหลายๆจุดที่ทำให้เกิดความรู้สึกอารมณ์เสียอยู่บ่อย

เอาเข้าจริงๆMidnight คืนฆ่าไม่มีเสียง ก็นับได้ว่าหนังใช้เค้าเรื่องหนังเขย่าขวัญฆาตกรโรคจิตแบบธรรมดาก็แค่มาบิดใช้แล้วก็ใส่องค์ประกอบเสริมเข้าไป เพื่อเพิ่มอรรถรสและจากนั้นก็แรงผลักดันเพิ่มเติมเข้าไปในการเล่าที่ทำให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยใช้ความพิกลพิการพิการของนักแสดงหลักมาเป็นจุดเด่น ด้วยการที่เป็นเหยื่อที่มองดูหูหนวกรวมทั้งพูดไม่ได้ กลายเป็นความจำกัดเรื่องราวที่ชวนให้ผู้ชมรู้สึกอึดอัดแทบจะระเบิดออกมาแทนโดยแท้

หนังhd

เปิด Disney+ มารีทัศนียภาพ Life-Size 2 จินตนาการครั้งใหม่ของบาร์บี้ลุกขั้นมามีชีวิต

Life-Size เป็นหนังโฮมวิดีโอในความจำของคนอีกหลายๆคน มันบอกเล่าเรื่องราวของเด็กหญิงผู้สูญเสียแม่ไป อย่างแคสซี่ (ลินด์เซย์ โลแฮน) คุณก็เลยพยายามร่ายมนต์จากแบบเรียนโบราณเพื่อช่วยเหลือแม่ แม้ว่ากลายเป็นว่าคาถาอาคมนั้นได้ฟื้นชีวิตให้กับตุ๊กตาบาร์บี้ในชื่อ “อีฟ” ให้ยืนขึ้นมามีชีวิต โดยเรื่องราวมิตรภาพที่ก่อตัวขึ้นระหว่างเด็กสาวและตุ๊กตานั้นแปลงเป็นความซาบซึ้งที่ลืมไม่ลง

เด็กหนุ่มนิวยอร์กนาม จอห์น ชิกกี้ โดโนฮิว (Chickie Donohue)สร้างความกล้าบ้าระห่ำด้วยการหอบเบียร์สดกระป๋องใส่กระเป๋าใบโต แล้วแรมรอนเดินทางโดยเรือทันเวลา 2 เดือน เพื่อเอาเบียร์สดไปฝากเพื่อนพ้องๆที่ถูกกฏเกณฑ์เป็นทหารไปรบในเวียดนาม เรื่องราวของเขานี้ บอกได้ว่าเป็นตำนานที่ถูกเล่าขานกันมายาวนานตั้งแต่ปี 1967 ที่เขาก่อความกล้าหาญชาญชัยในปีนั้น แล้วถูกเล่าต่อเป็นบทความในนิตยสารหลายเล่ม จนกระทั่งในปี 2017 เรื่องราวนี้ก็ถูกพิมพ์เป็นหนังสือชื่อ The Greatest Beer Run Ever: A Memoir of Friendship, Loyalty, and War เขียนโดยตัว ชิกกี้ โดโนฮิว เอง ร่วมกับ เจ.หัวหน้า มัลรอย (J. T. Molloy) สมัยโบราณนักข่าวหนังสือพิมพ์ NY Daily News

Midnight เล่าราวของ เพชฌฆาตโรคทางจิต กับ คยองมี หญิงสาวที่มีความผิดพลาดทางการได้ยิน คุณอาศัยอยู่กับแม่ และดำเนินงานบริการลูกค้าทางโทรศัพท์ ในคืนวันหนึ่งคราวหลังจากที่กลับมาจากเลี้ยงสรรค์ที่บริษัทที่คุณแผลงฤทธิ์แผลงเดชเอาไว้ ก็ได้ขับขี่รถไปรับแม่กลับไปอยู่บ้าน และก็ได้เจอหน้ากับ โดซิกข์ มือฆ่าโรคทางจิตที่กำลังมองหาเหยื่อรายใหม่

เขาเห็นแม่ของคยองมี นั่งอยู่กับลูกผู้หญิงที่ช่างเป็นเหยื่อที่พอดิบพอดี แม้ว่าปรากฏว่าเหตุเปลี่ยนแปลง หนังhd ทำให้เขาเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ เมื่อ โซจอง หญิงสาวที่กำลังเดินกลับไปอยู่ที่บ้านในตรอกเปลี่ยวผ่านมาพอดีเป๊ะ โซจองก็เลยแปลงเป็นเหยื่อแทน รวมทั้งคยองมีก่อนหน้าที่ผ่านมาแลเห็นเรื่องพอดีเป๊ะ ทำให้ท่านกับแม่กลับมาเป็นเป้าหมายในสายตาของมันอีกครั้ง!

จากหนังภาคแรกในปี 2000 ทิ้งช่วงเวลากว่า 18 ปี เมื่อ ไทรา กางงส์ กลับมารับบทบาทเดิมอีกครั้งในฐานะตุ๊กตาอีฟ ที่คืนชีฟอีกครั้งวันหลังเกรซ แมนนิ่ง (ฟรานเซีย ไรซา) ได้ร่ายคาถาจากหนังสือเรียนโบราณแบบไม่ได้ตั้งใจ ระหว่างนั้นเองเกรซที่จะจำเป็นต้องมารับช่วงต่อสำหรับการบริหารบริษัทของเล่นเด็ก ซึ่งแม่ของคุณอย่างเอเลเนอร์จำเป็นต้องติดตะรางด้วยเหตุว่าคดีเรื่องคดโกง

โดยสาเหตุมาจากที่ความอาจหาญของชิกกี้นั้น เป็นการปฏิบัติที่ระห่ำ หาญกล้า และมีความหุนหันพลันแล่นของชีวิตวัยรุ่นที่เล่าต่อจำนวนกี่ครั้งก็ยังรื้นเริง แม้เรื่องราวจะผ่านมากมายก่ายกองว่า 50 ปีและก็ตาม สมกับที่ชิกกี้เองก็บ่นว่าเบื่อที่จะเล่าราวนี้ซ้ำๆซากๆจนตราบเท่าชิกกี้พูดว่าจบกันที แต่ว่าในปี 2015 ความอาจหาญของชิกกี้ก็กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งเมื่อคณะทำงาน Pabst Blue Ribbon ได้ถ่ายทอดตำนานนี้ออกมาในรูปสารคดี 13 นาที เนื่องในวันทหารที่เคยออกรบ มีผู้ชมไปแล้วกว่า 1 ล้านครั้ง ถึงที่ที่ตรงนี้ ชิกกี้ก็เลยตกลงปลงใจเล่าความเด็ดเดี่ยวของเขาออกมาเป็นหนังสือมันซะเลย หากแม้ความอาจหาญสุดขีดของเขาก็ยังไม่จบลงไปง่ายเมื่อสตูดิโอ Skydance Media ตกลงซื้อลิขสิทธิ์หนังสือมาสร้างเป็นภาพยนตร์

ตลอดจากเกรซเองเติบโตมาในฐานะลูกหญิงของเจ้าของธุรกิจของเล่นระดับประเทศ แล้วก็ขาดความอบอุ่นจากแม่ คุณก็เลยขาดความเชื่อถือในธุรกิจที่แม่สร้างมา ด้วยเหตุดังกล่าวเมื่อคุณต้องนั่งแท่นเป็น CEO ต่อจากแม่ ในขั้นแรกเกรซก็เลยมองไม่เห็นจุดหลักสำหรับเพื่อการสืบต่อการค้าและปล่อยให้เหล่าบอร์ดบริหารทำหน้าที่ไปแบบปล่อยปะปล่อยปละละเลย จวนเจียนเกือบจะยกเลิกไลน์การผลิตตุ๊กตาอีฟ หากแม้โชคดีที่คุณยังหวนนึกถึงความจำในวัยเด็กว่า คุณเคยมีช่วงเวลาดีๆกับตุ๊กตาของเล่นที่เป็น “เพื่อน” เพียงแค่คนเดียวของเกรซ

ในฐานะที่ผู้เขียนได้เคยเขียนเรื่องราวการเสี่ยงภัยของชิกกี้มาแล้ว ก็มีข้อคิดเห็นว่าเกิดเหตุราวที่ฟังมองดูประหลาดและน่าสนุกดี สมกับที่เรื่องราวนี้ไม่เคยห่างหายไปตลอด 50 กว่าปีที่ผ่านมานี่ แม้กระนั้นการที่เรื่องราวนี้จะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ได้นั้น ก็ยังสร้างความรู้สึกสงสัยว่า เรื่องราวของผู้ชายนิวยอร์กหิ้วเบียร์สดมาฝากเพื่อนพ้องที่รบอยู่ในเวียดนามนั้น การเล่าสู่กันฟังแบบสั้นๆก็มองดูน่าสนใจดี แต่ว่าจะเล่าออกมาเป็นหนังยาวยังไงให้น่าสนใจ

ก็จนตราบเท่าได้ดูหนังแล้ว ถึงยอมรับว่าหนังอยู่ในมือของผู้กำกับแล้วหลังจากนั้นก็เขียนบที่ถูกคน เพราะ ปีเตอร์ ฟาเรลลี่ นั้นก็มีประสบการณ์สำหรับการทำหนังที่ว่าด้วยการเดินทางไกลบนเบื้องหน้าเบื้องหลังที่ศีรษะข้อขัดแย้งเรื่องสีผิวกันมาแล้วใน Green Book พอเพียงมาครั้งนี้ใน The Greatest Beer Run Ever ก็จัดว่ามาในธีมที่ใกล้เคียงกัน เรื่องราวของมิตรภาพระหว่างมิตรสหายกับเนื้อหาส่วนที่มีความสำคัญเรื่องความคิดเห็นของคนธรรมดาอเมริกันต่อการรบทัพจับศึกเวียดนาม ที่แบ่งเป็น 2 ข้างกันอย่างชัดเจน

เป็นเรื่องปกติล่ะขอรับ เมื่อหนังสือไม่ว่าจะเป็นนิยายหรือบันทึกเหตุการณ์จริง เมื่อถูกปรับปรุงปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขเป็นบทภาพยนตร์ก็ย่อมมีการเสริมเติมแต่ง เป้าประสงค์เพื่อเรื่องราวตรึงความชอบใจผู้ชมให้อยู่กับหนังได้ตลอดรอดฝั่ง อย่างในประเด็นนี้หนังยังคงพล็อตเรื่องหลักไว้ว่า เรื่องเกิดในปี 1967 ขณะที่อเมริกาส่งกองกำลังไปรบสำหรับเพื่อการทำศึกเวียดนาม ชิกกี้พบปะสนทนากับเพื่อนพ้องๆในบาร์ประจำ ซึ่งเพื่อนเกลอๆหลายท่านที่เคยกินดื่มด้วยกันก็ถูกส่งไปรบในเวียดนาม พนักงานผสมเหล้าก็เลยเปรยขึ้นมาว่า ระลึกถึงหนุ่มน้อยๆที่เปรียบได้ดั่งลูกหลานถึงแม้จำเป็นจะต้องถูกไปส่งในเวียดนาม ต้องการที่จะให้หนุ่มน้อยๆกลุ่มนี้ได้ดื่มเบียร์สดด้วยจัง

ชิกกี้ก็เลยพูดตรงออกมาว่า ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้นเขาจะสมัครใจเอาเบียร์สดไปส่งให้เพื่อนพ้องๆเอง หนังก็เดินเรื่องเร็วนะครับ ไม่ถึง 30 นาที ชิกกี้ก็ไปถึงเวียดนามแล้ว จุดหมายของชิกกี้เป็นเพื่อนฝูงๆ6 คน คนหนึ่งเสียชีวิตในสนามรบ อีกคนปลดปฏิบัติการกลับมาอเมริกา แล้ว ที่ยังทำหน้าที่อยู่ 4 คนนั้น ชิกกี้ก็แรมรอนไปส่งเบียร์สดได้ครบทั้ง 4 คน ถึงแม้เรื่องราวที่ถูกปรับแต่งในส่วนนี้ก็คือ ในความจริงนั้นชิกกี้อยู่ในเวียดนามถึง 2 เดือน แม้กระนั้นในหนังนั้นมีการปรับช่วงเหลือแค่ 3 วัน การจำกัดเวลาขึ้นมานั้นก็ได้ผลในด้านที่ดี ชิกกี้เลยควรต้องทำหน้าที่แข่งกับเวลา ถ้าเกิดเลย 3 วันเรือที่เขาขึ้นรถมาจะออกมาจากท่า เขาจะไม่สามารถที่จะกลับนิวยอร์กได้

รีวิว Last Seen Alive

แอ็กชันทริลเลอร์ธรรมดา ตามหาภรรยาแม้ว่าไม่ได้อะไรกลับมา ชั้นหนังยอดนิยมของ Netflix นี่ถูกใจมีอะไรให้เซอร์ไพรส์เราได้อยู่บ่อยเลยคะขอรับ หนังบางเรื่องก็เป็นหนังเล็กๆทุนต่ำที่เราก็ไม่คุ้นกับหน้าหนัง หรือเกือบไม่เคยรับรู้เวลาอัปเดตข่าวฮอลลีวูดด้วยไป ซึ่ง ‘Last Seen Alive’ หนังแอ็กชันหัวข้อนี้ก็อยู่ในข่ายนั้น ถึงตัวหนังเข้าฉายที่อเมริกามาตั้งแต่มิ.ย.แล้ว

แถมตัวหนังก็ไม่ได้เข้าฉายในไทยอีกต่างหาก เป็นเรียกว่าออกมาจากโรงนอกยิงตรงมาเข้า Netflix เลย แต่แม้ว่าจะเป็นหนังเล็กทุนต่ำ แต่ตัวหนังก็มีดาราแม่เหล็กให้อุ่นใจ ทั้ง เจอราร์ด บัตเลอร์ (Gerard Butler) พ่อหนุ่มทหารสปาตาขวัญใจคนไทย จาก ‘300’ (2006) และ เจมี อเล็กซานเดอร์ (Jaimie Alexander) ดาราภาพยนตร์สาวผู้ครอบครองบท เลดีสิฟ (Lady Sif) จากหนังแฟรนไชส์ ‘Thor’ ของค่าย Marvel

จริงอยู่ที่หนังอย่าง Life-Size 2 ค่อนข้างจะเล่นหลักสำคัญที่ใหญ่กว่าหนังภาคแรก หนังhd ที่บอกแค่เพียงความเชื่อมโยงที่หายไประหว่างแม่และก็เด็กน้อย หากแม้หนังภาคนี้เลือกจะเล่าถึงดาราที่เติบโตขึ้นรวมถึงสูญเสียจินตนาการ ความหวัง และความมั่นใจไป การที่ของเล่นในวัยเด็กกลายร่างมามีชีวิตก็เลยเป็นเหมือนกับสิ่งที่ช่วยกะเทาะห้วงความจำในวัยเด็กกลับมาอีกครั้ง

แล้วก็การเพิ่มดาราผู้ประกาศข่าวการสู้รบอย่าง อาร์เธอร์ โคตส์ เข้ามา แล้วได้ รัสเซล โครว์ (Russell Crowes) มารับบทนี้ ซึ่งเดิมเป็นบทของ วิกโก มอร์เตนเซน ที่ถอนตัวออกไป ด้านหลังหนังตกมาอยู่กับ APPLE TV มอร์เตนเซนก็ถอนตัวออกไป เวลาของโคตส์บนจอนั้นแม้ว่าจะเล็กน้อยนัก โผล่มาเพียงแต่ช่วงท้ายของหนัง หากแม้หน้าที่ของเขาก็มากพอมองดู ช่วยทำให้ปรับหนังมีฉากเสี่ยงในเมือง ช่วยเปิดโลกทัศน์ให้ชิกกี้ที่เคยช่วยเหลือหน้าที่ของกองกองทัพอเมริกันมาตลอดให้เปลี่ยนไป และด้วยแรงผลักดันของดาราชาวเวียดนามอย่าง โอคลาโฮมา ที่น่าจะเศร้าใจผู้ชมพอเหมาะพอควร

ในตอนที่บทหนังดูหมั่นเพียรกับการสอดแทรกหลักสำคัญด้านลบของการทำสงครามเวียดนามนั้น ตัวหนังเองก็เช่นเดียวกันกับจะลืมหัวข้อหลักของเรื่องไป ที่อยู่ในคำโปรยเนื่องจากว่า “Friendship Has No Last Call” เพราะนาทีที่ชิกกี้เจอเพื่อนพ้องทั้ง 4 นั้น เราไม่ได้สัมผัสได้เลยถึงความรัก ความเกี่ยวพันระหว่างเพื่อนพ้องที่มีต่อกัน เราเห็นถึงแม้ว่าเพื่อนพ้องประหลาดใจที่ชิกกี้โผล่มา

เมื่อก่อนคณะทำงานวางตัว ดีแลน โอไบรอัน (Dylan O’brien) นักแสดงนำชายจากตรีภาค Maze Runner ไว้ในบทชิกกี้ ถึงแม้โอไบรอันก็ลาโปรเจกต์ไปพร้อมกับมอร์เตนเซน ก็เลยได้ แชค เอฟรอน (Zac Efron) มารับช่วงต่อแทน ก็ถือว่าเป็นการสลับตัวที่ดูสมควรกว่าเดิม หากว่าเปรียบรูปร่างหน้าตาแล้ว เอฟรอนมองดูมีความเหมือนกับชิกกี้ตัวจริงมากกว่า และเนื่องจากเอฟรอนถูกใจติดภาพผู้แสดงนำชายอารมณ์เบิกบานมาในระยะหลัง ก็นับได้ว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับบทนี้

อย่างไรก็ดีหนังภาคนี้ เมื่อมองในทางของความตั้งใจจริงในเชิงของการจัดการงานธุรกิจ หรือการนั่งแท่นเป็นประธาน แต่ว่านักแสดงอย่างเกรซไม่ว่าจะดำรงในตำแหน่งไหน คุณก็ดูเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือในฐานะนักธุรกิจตั้งแต่ต้นตราบจนกระทั่งจบในสายตาของผู้ชม ถึงแม้เมื่อบทเขียนมาให้เป็นแบบงั้นเราก็น่าจะจำเป็นจะต้องเชื่อตามโดยไม่มีเงื่อนไข เพียงแต่ว่าถ้าเกิดเราจะมีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้เป็น “มนตร์” ที่ปลอบประโลมใจผู้ชมเพียงชั่วประเดี๋ยวว่า บางทีความคาดหวังก็ไม่ต่างอะไรจากพรดีงาม Life-Size 2 ก็เพียงพอจะทำให้เราหลบลี้จากโลกที่เรื่องจริงที่มีแต่เรื่อง “สิ้นหวัง” ทุกนาฬิกายามได้ไม่เลวทีเดียว

ส่วนชื่อชั้นของผู้กำกับ ไบรอัน พวกเราดแมน (Brian Goodman) เองจริงๆก็ถือว่าพอเพียงมีเครดิตอยู่บ้างทั้งในฐานะนักแสดงที่เราคุ้นๆอีกทั้งในบทบทพันตรีบอสเวลล์ (Major Boswell) พ่อของ ฌอน บอสเวลล์ (Sean Boswell) ใน ‘The Fast and the Furious: Tokyo Drift’ (2006) รวมทั้งบทผู้ครอบครองโมเต็ลใน ‘Catch Me If You Can’ (2002) แต่ก็จำเป็นต้องเห็นด้วยว่าเราคนไทยตาดำๆอาจจะไม่ได้คุ้นตาเขาในฐานะผู้กำกับหนังที่เคยผ่านงานควบคุมมาแล้วเท่าไรนัก โดยเฉพาะผลงานดูแลหนังที่ไม่คุ้นชื่อคนไทยเท่าไร ทั้ง ‘What Doesn’t Kill You’ (2008) รวมทั้ง ‘Black Butterfly’ (2017)

Midnight คืนฆ่าไม่มีเสียง อาจจะมีบทหนังที่ไม่ได้สมูบรณ์แบบอะไร กับเรื่องราวที่เป็นเพียงอาชญากรรมเพียงเสี้ยวเล็กๆที่เกิดขึ้นของสังคมในช่วงเวลาค่ำคืนหนึ่ง แม้ว่าหนังก็ยังแทรกสอดและก็สะท้อนถึงปัญหาความไม่เหมือนที่เกิดขึ้นกับผู้พิการทุพพลภาพในอีกมุมมองหนึ่งได้อยู่ เส้นบางๆในความพอใจพวกเขาในยามฉุกเฉิน แม้ว่าจะติดต่อไม่ได้ชัด ถึงแม้พวกเขาคุณมีสิทธิ์แล้วหลังจากนั้นก็หนทางเท่ากับคนเดินดินปกติเช่นเดียวกัน

หนังhd

เปิด Netflix มารีวิว A Classic Horror Story

ลอกสูตรเชือด เดือดกวานเยอะแยะ บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนพ้องที่เดินทางด้วยรถยนต์บ้าน แม้กระนั้นแล้วตกกลางคืนภายหลังที่คนขับหักหลบศพของกวางที่พักผ่อนหย่อนใจตายอยู่ตรงกลางหนทาง ทำให้รถยนต์พุ่งชนกับต้นไม้และก็ทำให้พวกเขาสลบไป เมื่อรู้ตัวตื่นมา สมาชิกบนรถยนต์พบว่าตัวเองมาอยู่ในที่โล่งกว้างกลางป่า เมื่อมองออกไปบริเวณกลับไม่พบหนทางอะไรก็แล้วแต่เลย จนกระทั่งนำไปสู่ความงงงวยว่า ตอนนี้พวกเขาอยู่ไหนกันแน่ ไม่ไกลจากตัวรถยนต์มีบ้านทรงแปลกตั้งสูงเด่นอยู่ เมื่อเข้าไปตรวจพวกเขาได้พบกับภาพวาดที่แสดงถึงพิธีกรรมเซ่นสังเวยมนุษย์สุดน่าสยดสยอง

นี่ได้ผลงานหนังเรื่องแรกของผู้กำกับผู้ชายคนใหม่ “ควอนโอซึง” ที่เขารับหน้าที่เขียนบทหนังเองด้วย ถือได้ว่าเป็นผลงานเดบิวต์ที่ค่อนข้างจะชอบใจอย่างยอดเยี่ยม ถึงจะยังไม่ใช่หนังที่บริบูรณ์อะไรมากแค่ไหน แต่ว่าหนังได้เลือกใส่ข้อความสำคัญและก็จังหวะได้เข้าออกจะดี นับได้ว่าหนังทำหนังคนใหม่ที่ประดิษฐ์ผลงานออกมาเรื่องแรกได้น่าสนใจอยู่พอใช้ แล้วก็ต้องดูเขาผู้นี้ให้ดีๆ

หนังยกกองมาถ่ายในบ้านเราเมื่อปีที่ล่วงเลยไปนี่ ไปถ่ายกันหลายที่เยอะมาก หัวหิน เทือกเขาเชียงดาวที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดราชบุรี เป็นพักๆที่ รัสเซล โครว์ มาถ่ายรูปโน่นนี้แล้วทวีตจนตราบเท่าเป็นที่ฮือฮากันไปโน่นล่ะ ก็ต้องติดอกติดใจคณะทำงานขอรับ ดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขพื้นที่บ้านเราให้ดูเป็นเวียดนามปี 1967 ได้อย่างแนบเนียนมากมายก่ายกองๆ

โดยรวมก็ถือว่า The Greatest Beer Run Ever เป็นหนังที่มีครบทั้งยังสาระบันเทิง คณะทำงานสร้างตกลงปลงใจถูกแล้วที่เลือกสร้างมาฉายทางสตรีมไม่ง ด้วยเหตุว่าดูแล้วหากฉายโรงไม่น่าจะได้กำไร ด้วยหัวข้อของหนังยังไม่แข็งพอที่จะเรียกผู้ชมให้ออกจากบ้านไปซื้อตั๋วดูเรื่องนี้ในโรงหรือดูแล้วก็คงจะไม่ออกปากเชียร์ให้เพื่อนพ้องๆไปดูอีกด้วยล่ะ ด้วยเหตุว่าเนื้อหาหนังก็ไม่ได้เข้มข้นถึงกับจึงควรจดจ่ออยู่กับหน้าจอตลอด 2 ชั่วโมงของหนัง เดินไปเข้าห้องน้ำกลับมามองดูต่อก็น่าจะยังตามเรื่องตามราวได้ทัน ได้เรื่องเพลิดเพลินใจพอสมควรขอรับ มองดูไปทำนู่นทำนี่ไปด้วยได้ไม่เสียดายเวลา แม้ว่าถ้าพลาดไปก็ไม่น่าเสียดาย

คราวหลังผ่านเวลากลางคืนแรกไป มาร์ค (วิล เมอร์ริค) ถูกชายสามคนใส่หน้ากากชนิดเดียวกันกับในภาพวาดจับตัวไปฆ่าเพื่อล้วงดวงตาแบบเดียวกับเรื่องเล่าในตำนาน ทำให้สมาชิกคนอื่นๆเริ่มตั้งใจแล้วว่าเรื่องราวทารุณไร้มนุษยธรรมกำลังจะเกิดขึ้นแบบเดียวกับตำนาน รวมทั้งพวกเขาจำเป็นต้องเอาชีวิตรอดให้พ้นไปจากนรกอเวจีบนดินนี้เมื่อเราจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์หัวข้อนี้

การอธิบายข้อสรุปของเรื่องก็เลยเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับเพื่อการเอามาขยายความกับการเกิดที่เกิดขึ้นบนจอ เมื่อโดยความเป็นจริงแล้วเหล่าตัวละครผู้ที่ได้รับเคราะห์ในหนังหัวข้อนี้ถูกจัดฉากให้เข้ามาอยู่ในหนังสนัฟฟ์ฟิล์มถ่ายภาพ (Snuff Films) หรือการจับคนเป็นๆมาเชือดจริง ตายจริง ขายความเหี้ยมโหดแบบไม่ปราณี ด้วยเหตุนั้นปัญหาทั้งหมดทั้งปวงก็เลยกลายเป็นแค่เพียงการจัดวางของเพศผู้ดูแล

โดยภาพรวมแล้ว Midnight คืนฆ่าไม่มีเสียง ก็น่าจะเป็นสูตรสำเร็จของหนังตื่นเต้น-เขย่าขวัญปกติ เพียงแต่มีกิมไม่กที่สะดุดตาด้วยการถือเอาความพิกลพิการมาเป็นตัวชูเรื่องหลัก ตลอดเวลาราว100 นาทีของหนัง ก็ได้ช่วยบิวต์อารมณ์ของผู้ชมได้เป็นระดับขั้น เรื่องราวต่างๆชวนลุ้นแล้วก็น่าหงุดหงิดรำคาญจิตใจปะปกกันไปอย่างได้อรรถรส แม้ว่าจะในขณะนั่งดูหนังจะรู้สึกอึดอัดไปเกือบจะทั้งเรื่อง แต่เป็นความอึดอัดที่ทำออกมาได้สนุกพอเหมาะพอควรเลย

‘Last Seen Alive’ เป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องของ วิล สแปนน์ (Gerard Butler) ชายหนุ่มธรรมดาผู้กระทำอาชีพนักปรับแต่งอสังหาริมทรัพย์ ที่มีภรรยาชื่อ ลิซา สแปนน์ (Jaimie Alexander) ทั้งคู่พบเห็นความเกี่ยวพันที่กำลังอยู่ในตอนตึงๆเพราะเหตุว่ากำลังจะแยกทางกัน วิลขับขี่รถพาลิซาไปส่งที่บ้านของคุณเพื่อพักหัวใจแต่เมื่อใกล้ถึงเป้าหมาย วิลขับขี่รถแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมัน ส่วนลิซาเดินไปซื้อน้ำดื่มที่ไม่ไม่มาร์ต ดันกลายเป็นว่า เมื่อวิลเติมน้ำมันเสร็จ ลิซาก็โดยทันทีทันใดล่องหนไปอย่างลึกลับ แถมดันไปจุดให้สายแพตเตอร์สัน (Russell Hornsby) สงสัยในความแตกต่างจากปกติของวิลไปเสียอีกแน่ะ วิลก็เลยต้องตะลุยสันโดษเสี่ยงตายเดินทางตามหาภรรยาด้วยตัวเอง

นอกนั้นกระบวนการพรีเซนเทชั่นความเร้นลับทั้งสิ้นที่เกิดขึ้น เขาได้ตั้งมั่น “ลอกสูตร” จากหนังสยองขวัญไล่เชือดจากอเมริกามาตั้งแต่สมัย The Texas Chainsaw Massacre มาจนกระทั่งหนังสยองขวัญแนวพิธีกรรมอย่าง Midsommar เอามายำเขย่ารวมกันหมด แฟนหนังสยองขวัญคงจะเกิดอาการเอ๊ะตลอดทั้งเรื่องว่า ฉันเคยเห็นอะไรประมาณนี้มาจากที่ไหนนะ

ซึ่งผลจากการลอกสูตรเหล่านี้มาเพื่อกระทบกระแทกแดกดันว่าสไตล์ของหนังสยองขวัญอิตาลีกับหนังสยองขวัญจากอเมริกามีความแตกต่างกันในแนวทางการเสนอ ถึงแม้ว่าถูกใจถูกเอาไปเป็นเคสตัวอย่างในการเทียบเคียงเชิงค่าอยู่เป็นประจำว่า ฝั่งไหนดีมากกว่าไม่ดีกว่า ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วการนำเสนอสไตล์หรือเรื่องราวนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่สามารถเปรียบเทียบกันในเชิงค่านั่นเอง

รีวิวหนัง “Black Adam”

มาถึงคิวกับโปรเจกต์หนังที่นับได้ว่าซูเปอร์วีรบุรุษเรื่องแรกของอาชีพดาราของ “เดอะร็อก” ซุปตาร์แถวหน้าของฮอลลิวูด ที่เขากระหยิ่มใจกับบทนี้สุดๆเขามาในรอยเปื้อนแอนตี้วีรบุรุษ “Black Adam” ที่เป็นการสืบต่อเส้นเรื่องจักรวาลหนังดีซีอีกครั้ง กับเนื้อหาที่เข้มข้นและก็ปูทางเอาไว้สู่อนาคตใหม่ๆของค่ายนี้ เพียงแต่ว่ามันจะยังสามารถเพิ่มความคาดหวังครั้งใหม่ให้กับค่ายภาพยนตร์ซูเปอร์วีรบุรุษที่นี้ได้อยู่ไหม?

แน่นอนว่าไอ้หนังชนิดแฟนหาย เมียหายอะไรประมาณนี้นี่ไม่ใช่ของใหม่ในฮอลลีวูดเสียท่าเดียวขอรับ หากเป็นยุคใหม่ๆก็จึงควรนึกถึงหนังทริลเลอร์ ‘Gone Girl’ (2014) ที่สามารถบิดความเป็นทริลเลอร์ไปสู่หนังแนวจิตวิทยาได้อย่างน่าทึ่งเยอะแยะ หรือถ้าเกิดเอาแบบเก่าๆบ้านๆหน่อย ก็จำเป็นที่จะต้องย้อนไปถึงหนังเรื่อง ‘The Vanishing’ อีกทั้งเวอร์ชันต้นฉบับปี 1988 และฉบับรีเมกปี 1993 ที่พล็อตเกี่ยวกับเรื่องเมียหายที่ปั๊มน้ำมันสิ่งเดียวกันแบบเด๊ะๆเลย

นอกจากนั้น A Classic Horror Story ยังเสียดสีไปถึงวัฒนธรรมการเสพย์สื่อของคนช่วงปัจจุบันที่มองหาความสยองขวัญที่เรียล “เหมือนจริง” แบบหนัง สนัฟฟ์ฟิล์ม (Snuff Films) หรือแม้กระทั่งการให้ความใส่ใจกับข้อมูลอาชญากรรมในสังคม เช่นผัวฆ่าเมียตาย การฆ่าทารุณยกครัว หรือแม้กระทั่งการฆ่าตัวตายของใครสักคน ลักษณะเดียวกับฉากข้างหลังเรื่องที่อีไลซ่า (มาทิลด้า แอนท้องนา อินกริด ลัสซ์)

เดินลงมหาสมุทรไปเพื่อฆ่าตัวเอง ตอนที่คนอื่นยืนถือกล้องที่มีไว้ถ่ายรูปเพื่อบันทึกภาพวินาทีชีวิตอย่างเคร่งเครียด โดยไม่มีผู้ใดกระโจนลงไปช่วยคุณให้พ้นจากความตายเลย กล่าวโดยสรุปเป็น A Classic Horror Story ทำขึ้นมาเพื่อกระทบกระแทกแดกดันแนวคิดการเสพย์ผลงานสยองขวัญของผู้คน แต่ว่าอย่างไรก็ตามหากแม้ต้องการดูเพื่อความสนุกตื่นเต้น มันก็มีสิ่งที่แฟนหนังที่ถูกอกถูกใจความระทึกใจมอบให้อย่างสมบูรณ์แบบเดียวกัน

Black Adam เกิดเหตุราวการชี้แนะให้โลกได้รู้จะกับแอนตี้วีรบุรุษคนใหม่ ที่แทบจะ 5,000 ปีแล้วที่ เขาได้รับดีที่สุดพลังจากทวยเทพโบราณแล้วถูกคุมขังตัวเอาไว้ทันที รวมทั้งท้ายที่สุดขณะนี้ กางล็ค อดัม ได้ถูกปลดปล่อยจากที่ฝังศพของเขา วันหลังขังมาอย่างเป็นเวลายาวนาน แล้วพร้อมที่จะระเบิดมหาอำนาจที่ความเที่ยงธรรมของตนเองบนโลกมนุษย์ ท่ามกลางความเคลื่อนไหวหลายๆอย่าง ถึงแม้เขากลับพบว่ามีอยู่อย่างเดียวที่ยังไม่เปลี่ยนไป

นี่เป็นเหมือนกับโครงการหนังในฝันของเดอะร็อกเลยก็ว่าได้ เนื่องจากว่าในหัวข้อนี้ที่อุตสาหะปลุกปั้นรวมถึงเข็นขึ้นมาให้แปลงเรื่องจริง ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาเป็นทศวรรษทีเดียว และก็เดอะร็อกเองก็มีส่วนร่วมในหลายๆองค์ประกอบของหนังเรื่องนี้ ที่มันก็สัมผัสได้และก็แสดงออกมาเป็นภาพที่ได้เห็นอยู่ใน 2 ชั่วโมงเต็มของหนังวีรบุรุษเรื่องนี้ ถึงแม้ก็จำเป็นจะต้องยอมรับว่ามาตรฐานของหนังดีซีก็ยังคงหยุดอยู่ในบรรทัดฐานเกือบจะดังเดิม Miss Grand International 2022 ด้วยเหตุว่าหนังประเด็นนี้นั้นยังไม่ได้ให้แตกต่างกันอะไรได้มากมากแค่ไหน

ส่วน Gone Girl กับเรื่องนี้ก็มีพูดถึงหลักสำคัญที่ฝั่งสามีโดนแปลงเป็นผู้ต้องสงสัยเสียเองเหมือนกันอีก ซึ่งนักเขียนเองก็ไม่แน่ใจว่างานนี้ผู้กำกับเองได้แรงกระตุ้นมาจากหนังกลุ่มนี้มาแบบตรงๆหรือไม่อย่างไร แต่สิ่งที่ต่างกันแน่ๆเลยเป็น ตัวหนังเองนั้นมีวิธีการเล่าด้วยการเล่าแบบเรียลไทม์นะครับ เป็นพยายามเล่าคุมเค้าโครงให้เกิดขึ้นภายในไม่เกินวัน ไม่ได้หายแบบนานเป็นหลายๆปี ถึงแม้ว่าในหนังเองจะบอกเวลาเอาไว้ก็แค่เป็นกิมไม่กเฉยๆไม่ได้เป็นข้อแย้งบีบบังคับด้านเวลากับดาราอะไรเป็นพิเศษ

เพราะตอนนี้ เดอะร็อก ได้กลับมาดำเนินงานร่วมกับผู้กำกับ “เจาเม โกเยต-เซร์ร่า” ที่พวกเขาคุ้นชินกันเป็นอย่างดี Miss Grand International 2022 จากหนังเรื่องที่แล้วอย่าง “Jungle Cruise” นี่ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งลักษณะเด่นที่ทำให้ความเหมาะของผู้กำกับกับนักแสดงไม่มีปัญหาอะไร มันสามารถลื่นไหลไปได้ด้วยตัวของมันเองกับความเกี่ยวเนื่องอันดี ไม่ว่าผู้กำกับอยากได้อะไร ตัวละครอยากได้อย่างงั้น สล็อตทุนน้อย ezc4s ก็เอามาปรึกษาหารือและจากนั้นก็คุยกันออกมาในแต่ละช็อตๆที่เราจะเห็นถึงความเป็นตัวเองของผู้กำกับกับดารานำในหนังเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ