หนังสงคราม เรื่อง The Railway Man สร้างขึ้นจากเรื่องราวชีวิตจริงของทหานที่เคยผ่านการรบคนอังกฤษนามว่า Eric Lomax ที่เคยถูกกองทัพประเทศญี่ปุ่นต้อนมาจากประเทศสิงคโปร์เพื่อมาใช้แรงงานก่อสร้างรางรถไฟที่เมืองไทย (ที่จังหวัดไหนอาจทายใจได้ง่ายๆ) ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะมิได้ถูกใช้แรงงานหนักเช่นข้าทาสอย่างคนอื่นด้วยความรู้ความเข้าใจทางวิศวกรรมศาสตร์ที่เขา
ถึงกระนั้น การแอบลักลอบประกอบวิทยุแอบฟังก็ทำให้เขาจำเป็นต้องถูกลงโทษอย่างมาก ซึ่งชีวิตเขาขึ้นกับทหารล่ามคนญี่ปุ่นนามว่า Takashi Nagase ถึงแม้ในที่สุดแล้วเขาจะรอดตายมาได้กระทั่งแก่ หนังสงคราม แม้กระนั้นความจำอันทรามก็ยังคงตามหลอกเขาอยู่ เรื่องราวของ Eric ไม่เพียงแค่ทำให้พวกเรามองเห็นเบื้องหลังของการใช้แรงงานเชลยสงครามอย่างทิ้งขว้าง แม้กระนั้นยังบอกให้เห็นอีกด้วยว่าร่องรอยของการทำศึกนั้นเป็นแผลลึกที่ไม่มีทางเป็นสะเก็ดได้ แล้วก็ยังคงทิ้งความเจ็บชอกช้ำระกำใจกัดรวมถึงรู้สึกของผู้ครอบครองร่างกายไปจนกระทั่งจะตาย
Good Night, and Good Luck. (2005) พวกเราว่า ‘จอร์จ คลูนี่ย์’ เป็นผู้ที่จับหนังเกี่ยวกับการบ้านการเมืองได้น่าดึงดูดเสมอ อีกทั้ง The Ides of March ที่เอ๋ยถึงผู้ช่วยเดินสายหาเสียงอุดมการณ์เด่นแต่ว่าเพียงพอคลุกคลีกับเบื้องหน้าเบื้องหลังการบ้านการเมืองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็ถูกการบ้านการเมืองกลืนอุดมการณ์จนถึงเปลี่ยนเป็นคนจัดเจนสำหรับในการต่อรองกอบโกยผลดี รวมทั้ง Good Night, and Good Luck. ที่เขาจับเอาการจริงของผู้สื่อข่าวที่จะต้องต่อสู้กับวุฒิสมาชิกของอเมริกาในประเด็นการใช้อิทธิพลการบ้านการเมืองในทางที่ไม่ถูก
อันดับแรกพวกเราจะต้องรู้เรื่องบริบทว่าตอนสมัย 50s ประเทศอเมริกากำลังทำสงครามกับระบอบคอมมิวนิสต์ ตอนสมัยนั้นก็มีทั้งยังการทำศึกประเทศเกาหลี (จบลงที่ข้างเหนือเป็นลัทธิคอมมิวนิสต์-ข้างใต้เป็นระบบประชาธิปไตย), สงครามเย็นกับรัสเซีย แล้วมันยังกระทบกับคนทำหนังฮอลลีวูด ยกตัวอย่างเช่น ‘อีเลีย ค้างซาน’ ที่ทำหนังเรื่อง On the Waterfront
เพื่อรับรองว่าการทรยศสหายด้วยการแจ้งชื่อผู้ที่ร่วมระบอบคอมมิวนิสต์เป็นการปฏิบัติที่ถูกแล้ว, หรืออย่าง ‘จูลส์ ดัสสิน’ (ผู้กำกับการ Rififi, Brute Force, Night and the City) หนังสงคราม ที่ติดแบล็กลิสต์ของฮอลลีวูดเพียงแค่เพราะเหตุว่าเคยขึ้นอยู่กับพรรคลัทธิคอมมิวนิสต์ในอเมริกาตั้งแต่ปี 1934 ถึงแม้ว่าเขาจะลาออกจากพรรคในปี 1939 แต่แล้วเมื่อตอนปี 1952 เขาก็ยังถูกวินิจฉัยแออัดยัดเยียดว่าเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ซึ่งส่วนใดส่วนหนึ่งคงจะมาจากการที่เขาเป็นลูกครึ่งรัสเซีย-ชาวยิว กระทั่งทำให้เขาจะต้องย้ายถิ่นไปทำหนังในยุโรปแทน
หนังสงคราม 500 รบ (The Floating Castle : のぼうの城 (2012)) : หน้าประวัติศาสตร์ปี 1590
The Floating Castle เป็นภาพยนตร์ที่สร้างมาจากความเป็นจริงในสมัยปี 1590 ที่ไดภรรยาว โทโยโทมิ ฮิเดะโยชิ ผู้ดูแลรัฐบาลคัมปากุที่ก่อการทำศึกกับข้างที่ไม่เห็นพ้องไปทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยยกกำลังกว่า 3 แสนจู่โจมเครือญาติโฮโจที่พระราชวังโอดาวาระพร้อมๆกับเมืองบริวารรอบๆ โดยฝูงชนในพระราชวังโอดาวาระที่อยู่สำหรับเพื่อการดูแลของเชื้อสายโฮโจ ซึ่งมีทหารเพียงแต่ 500 คน กลับเลือกที่จะจับกระบี่ขึ้นสู้กับกองทัพ 2 หมื่นนายของรัฐบาลกึ่งกลาง ถึงแม้กษัตริย์จะหนีเอาชีวิตรอดไปแล้ว หนังตั้งมั่นยกย่องความกล้าหาญของ 500 ซามูไรที่มุ่งรักษาเกียรติยศมากยิ่งกว่าชีวิต ดูแลโดย ฮาข้าชิ เคยชินจิ กับ อิชคุ้นชิน อินูโดะ เขียนบทโดย วาดะ เรียว ผู้ครอบครองฉบับนิยาย แสดงนำโดย โนมูระ มังไซ , เอลุกระ นานะ และก็ ท้องนาริมิยะ ฮิโรกิ
OVERVIEW (No Spoiled) : จัดว่าเป็นหนังที่มาเนิบๆไม่ได้อะไรมากมาย แม้กระนั้นมีตอนองค์ข้างหลังที่สามารถพูดได้ว่าพีคโคตรบิดาโคตรแม่สุดๆจัดเต็มไปเลยจริงๆสำหรับหนังที่ชื่อว่า FURY หัวข้อนี้นี่เป็นหนังอีกหัวข้อที่มองจบออกมา แล้วไปไม่เป็น เรียบเรียงคะแนนผิดอย่างยิ่งจริงๆในทีแรกๆ เนื่องจากตัวหนังมันมีอะไรให้กล่าวถึงค่อนข้างจะเยอะแยะ แล้วก็การนำเสนอของหนังนั้นนอกเหนือจากที่จะมีความสมจริงสมจัง เอฟเฟค เสียงระทึกใจแล้ว ตัวบทรวมทั้งการเล่าเรื่องยังทำเป็นมีเชิงชั้นแล้วก็ดีไม่แพ้กัน โดยยิ่งไปกว่านั้นตั้งแต่ซีนกึ่งกลางเรื่องขึ้นไปกระทั่งถึงหนังจบ หนังเริ่มพีคขึ้นเรื่อยจากนั้น
1917 (2019) แม้ว่าจะเป็นหนังสงครามที่เข้าฉายได้ไม่นาน แต่ว่า 1917 ก็เป็นหนังที่ย้อนไทม์ไลน์ไปออกจะไกล มันก็คือตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 นั่นเองจ้ะ โดยผู้กำกับอย่าง Sam Mendes ได้นำเรื่องราวโดยมีปู่ของตนเองซึ่งเป็นทหารอังกฤษในสมัยนั้นเป็นแรงจูงใจแล้วก็ถ่ายทอดออกมาเป็นหนังประเด็นนี้ พวกเราจะได้มองเห็นมุมมองการกระทำงานในแบบของทหารอังกฤษ และก็เนื่องจากว่าเป็นหนังใหม่ พวกเราจะได้เห็นวิธีการนำมาใช้วิธีโปรดักชั่นเข้ามาช่วยทำให้บรรยากาศความขุ่นข้องหมองใจของการรบสมัยนั้นมองเหมือนจริงมากขึ้นเรื่อยๆจ้ะ
The Longest Day ภาพยนตร์การรบที่ถูกเรียกว่าเป็นภาพยนตร์ที่เล่าได้ครบในทุกแง่ทุกมุม
/ ภาพ: MovieFanFare ปัจจุบันนี้แนวทางที่เริ่มเป็นที่ชื่นชอบแล้วก็สามารถสร้างความตรึงใจให้กับผู้ชมได้ถึงแก่นลึกของหัวใจเป็นการเล่าผ่านผู้แสดงแต่ละตัวในตอนต่างเวลา ต่างสถานที่ รวมทั้งต่างบริบทของชีวิต แน่ๆว่าหลายๆคนรู้จักกับการเล่าเหตุภาพรวมอย่าง The Longest Day หรือ Saving Private Ryan ที่เรื่องแรกเจาะทุกภาพรวมของสถานะการณ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 บนพื้นทวีปยุโรปได้ครบที่สุด ส่วนอีกหัวข้อก็พรีเซ็นท์ภารกิจเสี่ยงตายอันน่าจำ แต่ทว่าอีกทั้ง 2 เรื่องมีการเล่าถึงภารกิจข้างหน้าเป็นหลัก แม้ว่าจะมีการสลับมุมมองบ้างแม้กระนั้นก็ยังไม่ใช่วิธีการเดินเรื่องหลักเท่าไรนัก
Jarhead (2005) เริ่มกันที่ “Jarhead” หรือ “พลระห่ำการศึกเมืองนรก” ผลงานการแสดงของ “Jake Gyllenhaal” ที่สร้างขึ้นจากหนังสือ Best Seller บอกเล่าเรื่องราวในตอนการสู้รบอ่าวอิหร่านของ “แอนโธนี่” หนังสงคราม เด็กวัยหนุ่มผู้สอบเข้ามหาวิทยาลัยมิได้ก็เลยจะต้องมารับใช้ชาติด้วยการขึ้นทะเบียนทหารกฏเกณฑ์ ก่อนที่จะตัวเขาจะถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่ยังซาอุดิอาระเบียเพื่อช่วยรบในการศึกอ่าวอิหร่าน
American Sniper พลแม่นปืนมือพระรอยแดง ที่ประวัติศาสตร์อเมริกา เรื่องย่อ พลซุ่มยิงโคตรพระรอยแดงแห่งหน่วยซีลของกองกองทัพสหรัฐอเมริกา คริส ไคล์ ถูกส่งตัวไปที่อิรักพร้อมภารกิจคุ้มครองเหล่าญาติพี่น้องทหาร
ความเที่ยงตรงของเขาได้ช่วยในสนามรบรบมาแล้วอย่างนับไม่ถ้วน รวมทั้งเมื่อเรื่องราวความเด็ดเดี่ยวของเขาแพร่กระจายออกไป เขาได้รับการชื่นชมให้เป็นตำนาน แต่ว่าแม้กระนั้นกิตติศัพท์ของเขาก็เป็นที่โจษขานกันในกลุ่มศัตรูด้วยเหมือนกัน ทำให้เขามีค่าหัวและก็เปลี่ยนเป็นเป้าหมายหลักสำคัญของพวกขบถ นอกเหนือจากอันตรายและก็การเสี่ยงของสมาชิกด้านในภายแล้ว คริสได้ทำหน้าที่เสี่ยงตาย 4 ครั้งที่อิรัก จนถึงแปลงเป็นเครื่องหมายของหน่วย SEAL อย่าทิ้งผู้ใดไว้เบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ว่าในขณะที่เขากลับไปอยู่บ้าน คริสพบว่าการรบนั่นแหละที่เป็นสิ่งที่เขาทิ้งไปมิได้
หนังสงคราม REVIEW (Spoiled) : “จะคืออะไร ถ้าว่าบ้านของพวกเราอยู่ในสนามรบ?” หนังหัวข้อนี้กำลังเอ่ยถึงคนกรุ๊ปหนึ่งที่เป็นทหารขึ้นตรงต่อภาคพื้นดิน และก็จะต้องทำหน้าที่อยู่ในรถถังที่มีชื่อว่า FURY ซึ่งทหารกลุ่มนี้มีชื่อเสียงว่าถึกและก็อึดพอกับรถยนต์แต่ว่าและก็มีคนภายในหน่วยตายไปคนนึง ทางการก็เลยจะต้องส่งคนมาแทน และไม่ทราบด้วยสาเหตุใดที่จู่ๆก็จับพลัดจับพลูส่งเด็กวัยหนุ่มกระจอกที่มอง เป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นพนักงานกองทัพ และไม่เคยฆ่าคนใดกันแน่ แถมยังเคร่งต่อศาสนา มีใจรักความดีงามมาขึ้นตรงต่อหน่วยนี้
The Floating Castle ปี 1590 ด้วยอำนาจ ของ ไดภรรยาว โทโยโทมิ ฮิเดะโยชิ จุดหมายจะรวมประเทศญี่ปุ่นให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สั่งให้ มิสึที่นาริ นายทัพทหารกล้านำทหาร 2 หมื่นนายเข้าจู่โจมพระราชวังโอชิ พระราชวังรองด่านป้อมของวังโอดาวาระ นางาชิ ท้องนาริตะ สำหรับเพื่อการเข้าจู่โจม ท้องนาริตะ นางาชิ ปฏิบัติภารกิจรักษาการผู้แทนผู้ดูแลวังโอชิ ปฏิเสธข้อตกลงการพูดจา ก่อนที่จะนำพลทหารเพียงแค่ 500 นาย เพื่อประมือมหากองทัพที่โทโยโทมิที่มีถึง 20,000 คน อย่างหาญกล้า และไม่กลัวความตายด้วยวิธีการที่นานัปการ ซึ่งได้รับความร่วมแรงร่วมมือจากเกษตรกรในเมือง
Black Hawk Down การรบฝ่ารหัสดุร้าย
ภาพยนตร์ที่สร้างแล้วก็ดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขมาจากสถานะการณ์จริงที่เกิดขึ้นในเมืองโมกาดิยก ประเทศโซมาเลีย โดยเป็นการปะทะกันระหว่างหน่วยโจมตีทัพบกสหรัฐ (U.S. Rangers) กับกองกำลังโซโมเลียสมัครใจผู้จงรักภักดีต่อนายกโมฮัมเหม็ด ฟาราห์ ซาลัด (Mohamed Farrah Aidid) โดยเหตุการณ์ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นเคยถูกเขียนเอาไว้แล้วในหนังสือในชื่อเดียวกันกับภาพยนตร์ โดยภาพยนตร์ได้บอกกล่าวเเละถ่ายถอดถึงเรื่องราวการต่อสู้ของเหล่าทหารกล้าภายหลังจากการตกของเรือบินกางล็กฮอว์ก
ภาพยนตร์เลือกที่จะบอกเล่าเรื่องราวจากมากมายผู้แสดงอีกทั้งนายสิบหัวหน้าหน่วย นายทหารหลงกลุ่ม หน่วยรบพิเศษเดลต้า (Delta Force) ทหารผู้เข้าสู่สนามรบคราวแรก แล้วก็นายพลผู้บังคับบัญชา หนังสงคราม โดยภาพยนตร์เหล่าเรื่องได้มีอย่างมีศิลป์ ดุเดือด เร็ว ให้ผู้ชมได้ลุ้นระทึกอยู่เสมอเวลาราวกับได้ร่วมรบอยู่ข้างเคียงกับเหล่าทหารกล้า แล้วก็ที่ดีเลิศที่สุดเป็นฉากการการปะทะกันของอีกทั้ง 2 กองกำลังเเละจังหวะที่เหมือนจริงเยอะที่สุดเรื่องหนึ่ง แล้วก็แสดงให้ผู้ชมได้มีความคิดเห็นว่าการรบที่จริงจริงนั้นมิได้มีเพียงวีรบุรุษแต่ว่ายังมีอีกทั้งการสิ้นไปรวมทั้งความเจ็บ
American Sniper (2014) พลซุ่มยิงมือพระรอยแดง betflikusa ที่ประวัติศาสตร์อเมริกา ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวของคริส ไคล์ (Chris Kyle) สมัยก่อนหน่วยซีลประจำทัพเรือสหรัฐอเมริกา (U.S. Navy SEALs) แล้วก็มือพลแม่นปืนความสามารถพระรอยแดงตามชื่อภายนตร์ ผู้ที่ทำสถิติสำหรับในการฆ่าศัตรูจากระยะห่างกว่า 1,920 เมตรหรือประมาณมากยิ่งกว่า 18 สนามฟุตบอล
โดยในรูปภาพยนตร์มีการถ่ายทอดฉากการลั่นไกที่เป็นตำนานนี้ด้วย โดยภาพยนตร์จะเล่าให้มองเห็นตั้งแต่คริสเริ่มเข้าฝึกฝนเป็นทหารตราบจนกระทั่งเข้าไปรบเเละกลับมาอยู่กับครอบครัว โดยภาพยนตร์จะมิได้ชี้ให้เห็นถึงฉากการรบที่ยิ่งใหญ่อลังการเเต่จะเเสดงให้มองเห็นถึงแรงกดดันรวมทั้งการเสี่ยงของเหล่าทหารสำหรับเพื่อการทำภารกิจแต่ละครั้ง เเละยังเล่าเเละบอกให้เห็นถึงความระบมด้านจิตใจของคริส แล้วก็อาการวาดสงสัยภายหลังการไปรบที่อิรักมาหลายครา นอกเหนือจากที่จะพาผู้ชมไปตรวจสอบการสิ้นไปจากการศึกแล้ว
